แคลเซียม โบรอน+คีเลต สูตร Extra ผสมธาตุอาหารพืชครบ เร่งติดดอก ผลดก ขั้วเหนียว ลูกใหญ่ ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต
สุดคุ้มด้วยธาตุอาหารที่พืชต้องการ คีเลต พลัส+ แม็กนีเซียม คีเลต + เหล็ก คีเลต+ สังกะสี คีเลต+ แมงกานีส คีเลต+ จุลธาตุ คีเลตรวม
แคลเซียมโบรอนนั้นจะเป็นสารอาหารที่อยู่ในรูปแบบของสารอาหารที่สามารถละลายน้ำได้ และพืชสามารถดึงธาตุอาหารประเภทนี้ไปใช้ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งในแคลเซียมโบรอนนั้นจะประกอบไปด้วย แคลเซียม โบรอน กรดอะมิโน 17 ชนิด และอื่นๆ ซึ่งจะอยู่ในอัตราส่วนที่มีความเหมาะสม
ซึ่งตัวแคลเซียมโบรอนนี้จะเข้าไปช่วยในเรื่องของการเพิ่มผลผลิตให้กับพืช ผลไม้ ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยเพิ่มการผสมเกสร ลดการหลุดร่วงของขั้วดอกและผล เพิ่มขนาดของผลผลิตให้มีคุณภาพและใหญ่มากขึ้น กระตุ้นการแตกตาของดอก อีกทั้งยังช่วยให้พืชนั้นมีการเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี ทำให้มีความแข็งแรงมากขึ้น
ประโยชน์ของ แคลเซียม โบรอน
1.ช่วยเสริมสร้างเซลล์และการแบ่งเซลล์ของพืชซึ่งพืชต้องการอย่างต่อเนื่อง
2.ช่วยในการสร้างเซลล์และโครงสร้างของเซลล์ของพืช
3.ช่วยให้เซลล์ติดต่อกันโดยจะช่วยเชื่อมผนังเซลล์ให้เป็นรูปร่างและขนาดให้สมบูรณ์ รูปทรงสวยแข็งแรง
4.ช่วยเพิ่มผสมเกสรและการติดผลส่งเสริมการทำงานของโบรอนในการกระตุ้นการงอกของเกสรตัวผู้ (Pollen) ให้ผสมติดดีขึ้นทำให้จำนวนผลต่อต้นต่อช่อมากขึ้น ผลไม่หลุดร่วงง่าย
5.ส่งเสริมการทำงานของโบรอน ในการแบ่งเซลขยายขนาดรังไข่ทำให้ผลเจริญเติบโตได้สมบูรณ์ และมีคุณภาพ
6.ช่วยป้องกัน ผลร่วง ผลแตก
7.มีบาทบาทที่สำคัญในระยะการเจริญเติบโตและการออกดอกของพืช
8.มีบทบาทในการย่อยธาตุไนโตรเจนทำให้พืชแข็งแรง
9.เป็นตัวช่วยเคลื่อนย้ายน้ำตาลจากใบไปสู่ผลได้ผลผลิตใหญ่ แข็งแรง
10.ช่วยลดการเกิดเนื้อของผลแข็งกระด้างและเนื้อแฉะ
11.เสริมสร้างความแข็งแรงของโครงสร้างผนังเซลล์พืช ทำให้มีความยืดหยุ่นดี ไม่บอบช้ำง่าย
12.ป้องกันไม่ให้ผล เถาหรือฝักแตกได้ ทำให้เนื้อแน่น ให้สีเนื้อและสีผิวของผลสดใส

อัตราใช้ : ให้ทางใบ 10-15 ซีซี.ต่อน้ำ10 ลิตร.
1.ไม้ผล: ส้ม มะม่วง เงาะทุเรียน องุ่น ลำไย ขนุน แตงโม และอื่นๆ
ระยะเวลาฉีดพ่น และอัตราการใช้
ก่อนออกดอก: 20ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีด7-10วัน ต่อ ครั้ง ประมาณ 1-2 ครั้ง
ขณะติดดอก: 10ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีด7-10วัน ต่อ ครั้ง ประมาณ 1-2 ครั้ง
ก่อนเก็บเกี่ยว: 20ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีด7-10วัน ต่อ ครั้ง ประมาณ 2-3 ครั้ง
2.พืชผัก: คะน้า กะหล่ำปลี ผักกาดหัว พริก มะเขือเทศ ถั่วต่างๆ และอื่นๆ
ระยะเวลาฉีดพ่น และอัตราการใช้
ขณะต้นเล็ก: 10ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีด7-10วัน ต่อ ครั้ง
ขณะต้นโตก่อนเก็บเกี่ยว: 20ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีด7-10วัน ต่อ ครั้ง
3.ไม้ดอกไม้ประดับ: กุหลาบ กล้วยไม้ โป๊ยเซียน และอื่นๆ
ระยะเวลาฉีดพ่น และอัตราการใช้
ก่อนออกดอก: 20ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีด7-10วัน ต่อ ครั้ง
ขณะมีดอก: 10ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีด7-10วัน ต่อ ครั้ง
หมายเหตุ: ใช้ผสมกับสารเคมีได้เกือบทุกชนิด และใช้ได้กับพืชทุกชนิด
อาการพืชขาดแคลเซี่ยม
ความโค้งของใบใหม่ ใบใหม่เป็นจุด การเจริญเติบโตต่ำ รากลีบ รอยไหม้บนปลายใบ ผลเสียหาย อาการพืชขาดโบรอน การเจริญเติบโตผิดปรกติเป็นพุ่มยุงเหยิง กิ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กิ่งเบี้ยว เปราะ การตายของยอดอ่อน ผลไม่ออก ใบเหลือง พืชต้องการแคลเซี่ยมและโบรอนอย่างเพียงพอเพื่อการเจริญเติบโต อย่างแข็งแรงและไม่ผิดปรกติและจะช่วยให้ ขั้วเหนียวลดการหลุดร่วง เกสรผสมได้ดียิ่งขึ้น ขยายผล ป้องกัน ผล เถา และฝักแตก ช่วยให้พืชตระกูลกะหล่ำห่อหัวได้แน่น
คุณสมบัติ
- ไนเตรท (N)ช่วยให้พืชเจริญเติบโตดี ลำต้นและใบแข็งแรง แตกใบใหม่
- โปแตสเซียม (K) ช่วยเคลื่อนย้ายธาตุอาหารไปสู่ส่วนต่างๆของพืชได้ดียิ่งขึ้น
- แคลเซียม (Ca) ช่วยแบ่งเซลล์ ช่วยผสมเกสร ไม่ทำให้พืชใบหงิกงอ ทำให้เซลล์แข็งแรง ซึ่งจะเป็นเกราะป้องกันโรคและแมลงได้ดี
- โบรอน (B) ช่วยในการผสมเกสรได้ดี ทำให้เซลล์พืชเหนียว ลดการหลุดร่วง ของดอกและผล
- แมกนีเซียม(Mg)ช่วยในการสังเคราะห์กรดอะมิโน วิตามิน ไขมัน และน้ำตาล ทำให้พืชใบเขียวเข้ม
- กำมะถัน(S)เป็นองค์ประกอบสำคัญของกรดอะมิโน โปรตีน และวิตามิน ทำให้กลิ่นของผลไม้ดีขึ้น ถ้าขาดธาตุนี้ทั้งใบบนและใบล่างจะมีสีเหลืองซีด และต้นอ่อนแอ
- ธาตุเสริม+นิเกิล ทำให้พืชแข็งแรง ไม่เป็นโรคง่าย ใบเขียวเข้ม สะสมอาหารได้ดี
- นิเกิ้ล ทำให้พืชทนแล้งได้ดี
แคลเซียมโบรอน เป็นธาตุอาหารที่อยู่ในรูปที่ละลายน้ำได้ทั้งหมดและพืชสามารถนำไปใช้ได้ทันที ประกอบด้วย แคลเซียม โบรอน กรดอะมิโน 17 ชนิด และอื่นๆ ในสัดส่วนที่เหมาะสม ช่วยเพิ่มผลผลิต เพิ่มการผสมเกสร ลดการหลุดร่วงของขั้วดอกและขั้วผล ขยายขนาดผล กระตุ้นการแตกตาดอก ช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดี ทำให้พืชแข็งแรง
ใบเขียว ป้องการอาการก้นดำในมะเขือเทศ ไส้ดำในกะหล่ำปลี ทำให้โครงสร้างพืชแข็งแรง ต้านทานโรคได้ดี
ธาตุอาหารเสริม 7 ธาตุ ที่พืชใช้ในปริมาณที่น้อยแต่พืชจะขาดธาตุอาหารเหล่านี้ไม่ได้เช่นกัน คือ เหล็ก แมงกานีส สังกะสี ทองแดง โบรอน โมลิบดีนัม และคลอรีน
ธาตุแคลเซียม เป็นธาตุที่ต้นพืชนำไปใช้เพื่อการเจริญเติบโต ช่วยส่งเสริมการนำธาตุไนโตรเจนจากดินมาใช้ให้เป็นประโยชน์มากขึ้น ในระยะออกดอกและระยะที่สร้างเมล็ด พืชจะมีความจำเป็นต้องใช้มาก เพราะธาตุแคลเซียมจะมีส่วนในการเคลื่อนย้ายและเก็บรักษาคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนในพืช เพื่อนำไปใช้ในการสร้างผลและเมล็ดต่อไป ประกอบกับเป็นองค์ประกอบของสารที่เชื่อมผนังเซลล์ ช่วยในการแบ่งเซลล์ การผสมเกสร การงอกของเมล็ด และช่วยให้เอ็นไซม์ทำงานได้ดี
อาการของพืชที่ขาดแคลเซียม จะพบมากในบริเวณยอดใบที่เจริญใหม่ๆ หงิกม้วนงอและขาดเป็นริ้วๆ ตายอด
ไม่เจริญ อาจมีจุดดำที่เส้นใบ รากสั้น ยอดอ่อนจะแห้งตายทั้งนี้แก้ไขโดยการใส่ปูนขาว หินปูนบด หินปูนเผา เพื่อปรับสภาพความเป็นกรด-ด่างของดิน หรือการใส่ปุ๋ยคอกบำรุงดิน
หากขาดธาตุโบรอน ส่วนที่จะแสดงอาการเริ่มแรกคือ ส่วนยอดและใบอ่อน จะบิดงอ ใบอ่อนบางแ