กระเบื้องไวนิลลายหินอ่อน

Infinite Laminate HPL
แผ่นลามิเนต

แผ่นลามิเนต HPL (High Pressure Laminate) หรือ แผ่นโฟเมก้า (Fomica) เป็นวัสดุสังเคราะห์ที่ทำให้รู้สึกเหมือนไม้จริง หรือ ใกล้เคียงกับลายธรรมชาติ ผิวสัมผัสที่เสมือนจริง มีลวดลายให้เลือกหลากหลาย ติดตั้งง่ายรวดเร็ว และมีคุณสมบัติที่แข็งแรงทนความร้อน ทนต่อการขีดข่วน ทำความสะอาดง่าย สามารถใช้ตกแต่งงานภายในได้อย่างลงตัว เช่น ตู้เสื้อผ้า เตียง ฝ้าเพดาน ผนัง วัสดุที่ต้องการปิดผิว เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ

ส่วนประกอบสำคัญ
1. Overlay คือ ชั้นบนสุดของแผ่นลามิเนตทำให้แผ่นลามิเนต มีความทนทานแข็งแรง ป้องกันการกระทำใดๆ ที่จะเกิดผลต่อความสวยงามของผิวหน้าจองแผ่นลามิเนต
2. Decorative Paper ถัดมาจากชั้น Overlay เป็นชั้นที่แสดงลวดลายและความสวยงามต่างๆ ของแผ่นลามิเนต
3. Core ชั้นนี้เป็นกระดาษคราฟ (Kraft Paper) เคลือบด้วยเรซิ่นชนิดพิเศษ เพื่อให้กระดาษรวมตัวเป็นชั้นเดียวกัน ชั้น Core มีหน้าที่ ให้ความหนา ทำให้แผ่นลามิเนตมีความแข็งแรงมากขึ้น ไม่โก่ง บิดงอ หรือ แตกหัก





วิธีติดตั้ง แผ่นลามิเนต HPL
เครื่องมือและอุปกรณ์ในการติดตั้ง
- ทริมเมอร์ หรือ คัตเตอร์
- แผ่นปาดกาวยาง ลูกกลิ้งหรือแปรง
- ตะใบ
- กาวยาง
วิธีติดแผ่น ลามิเนต HPL
ขั้นตอนที่ 1 : ทำความสะอาดผิวหน้าของชิ้นงานที่จะติดแผ่น HPL โดยขัดด้วยกระดาษทราย
ขั้นตอนที่ 2 : ควรตัดแผ่น HPL ให้มีขนาดใหญ่กว่าชิ้นงานที่จะติดตั้งเล็กน้อย จากนั้นใช้คัตเตอร์หรีดเปิดผิวหน้าแผ่น HPL ออกเป็นร่อง และค่อยๆหักลงอย่างระมัดระวัง
ขั้นตอนที่ 3 : ทากาวลงบนชิ้นงานที่จะติดตั้งและแผ่น HPL จะต้องทากาวอย่างทั่วถึงไม่บางและหนาจนเกินไป จากนั้นทิ้งไว้ให้กาวแห้งหมาดๆประมาณ 5 – 10 นาที
ขั้นตอนที่ 4 : ประกบแผ่น HPL เข้ากับชิ้นงานที่ต้องการติด ในการกะระยะควรมีไม้ช่วยรองก่อน หากระยะตรงตามที่ต้องการแล้ว จึงค่อยๆดึงแผ่นไม้ออก ติดไล่จากตรงกลางไปยังขอบทั้งสี่ด้าน จากนั้นใช้ลูกกลิ้งกดลงบนแผ่น HPL ให้ทั่วเพื่อไล่ฟองอากาศออก
ขั้นตอนที่ 5 : ทิ้งไว้ให้กาวแห้งสนิท จากนั้นเก็บขอบของแผ่น HPL ที่เกินมากจากชิ้นงาน ควรใช้เครื่องมือ Trimmer หรือ Router ตัดส่วนที่เกินออก ไม่ควรทำอย่างเร่งรีบเพราะจะทำให้ผิวงานแตกได้ จากนั้นใช้ทินเนอร์เช็ดกาวส่วนเกินออกอย่างระมัดระวัง
ขั้นตอนที่ 6 : การเก็บรายละเอียดชิ้นงาน ควรใช้กระดาษทรายละเอียดหรือตะไบเพื่อลบความคมของขอบแผ่น HPL และทำการแต่งสี ขอบได้ตามที่ต้องการ
การลบมุมของชิ้นงานมีความสำคัญ เพราะถ้าเราไม่ลบมุมของชิ้นงานจะมีโอกาสทิ่มหรือบาดได้ง่าย และตรงมุมจะมีโอกาสเปิดหรือแตกหักได้ถ้าชนในบริเวณดังกล่าวบ่อยๆ