คู่หูคู่รัก (จัดส่งแบบผสมให้เลยค่ะ)
เพอร์ไลท์ และเวอร์มิคูไลต์ เป็นสารเติมแต่งในดินตามธรรมชาติที่ช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดินเหมือนกัน แต่ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างทั้งวัสดุปลูก ทั้ง 2 ชนิดนี้ จะทำให้ดินปลูกของเรานั้นมีความความเหมาะสมสำหรับการใช้งานที่ต่างกันไป เพื่อเป็นแนวทางในการปรุงดินปลูกของเราให้เหมาะกับการใช้งาน สภาพแวดล้อม และพฤติกรรมการดูแลพืชของเราได้
เพอร์ไลท์ (Perlite)
เพอร์ไลท์ เป็นวัสดุธรรมชาติที่เกิดจากการสลายตัวของหินภูเขาไฟ โดยเกิดจากการที่มีน้ำเข้าไปทำปฏิกิริยากับหินอ๊อบซิเดียน (Obsidian) เมื่อถูกเผาจะเกิดการขยายตัว มีน้ำหนักเบา เมื่อได้รับความร้อนประมาณ 850-900 องศาเซสเซียล หินเพอร์ไลท์จะเกิดการขยายตัว ส่งผลต่อการดูดซับฟองอากาศของหิน เหมาะสำหรับนำไปใช้เป็นวัสดุปลูกในพืช หรือปรับสภาพดินให้มีความพรุนและอุ้มน้ำได้ดี
ส่วนประกอบของเพอร์ไลท์
เพอร์ไลต์มีส่วนประกอบของแร่ธาตุหลายชนิด เช่น
- ซิลิกอนไดออกไซด์ หรือ ซิลิกา (Silicon Dioxide) 70 – 75 เปอร์เซ็นต์
- อะลูมิเนียมออกไซด์ (Aluminium Oxide)
- โซเดียมออกไซด์ (Sodium Oxide)
- โพแทสเซียมออกไซด์ (Potassium Oxide)
- ไอเอิร์นออกไซด์ (Iron oxide)
- แมกนีเซียมออกไซด์ (Magnesium Oxide)
- แคลเซียมออกไซด์ (Calcium Oxide)
- น้ำ 3-5 เปอร์เซ็นต์
ประโยชน์ของเพอร์ไลท์
ช่วยในการรักษาและปรับสภาพของดินที่ใช้ในการเกษตร มีคุณสมบัติเป็นตัวดูดซึมที่ดี และมีความพรุนในตัวสูง ทำให้สภาพดินเป็นดินร่วน
สามารถช่วยรักษาความสมดุลระหว่างปริมาณของน้ำและอากาศในดิน ทำให้ดินไม่ชื้นหรือแห้งจนเกินไป
ความพรุนของเพอร์ไลท์มีมากกว่าดินเหนียวทั่วไปกว่า 5 เท่า ทำให้มีปริมาณของก๊าซออกซิเจนในดินเพียงพอต่อความต้องการของพืช ทำให้มีอากาศสามารถเข้าไปได้และรากสามารถหายใจได้
สามารถกักเก็บความชื้นไว้ได้ดีกว่าดินทรายถึง 4 เท่า สามารถดูดซับน้ำได้ ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้ดินแห้งจนเกินไป ทำให้ดินมีความยุ่ย ไม่จับตัวกันแข็ง
เพอร์ไลต์มีรูปร่างที่แน่นอนและคงสภาพอยู่ได้ ไม่เสื่อมสภาพง่ายเมื่อใช้เป็นวัสดุปลูก
มีคุณสมบัติความเป็นฉนวน จะช่วยรักษาอุณหภูมิของดินไม่ให้เปลี่ยนแปลงมาก
ช่วยรากพืชในการดูดซึมอาหาร
มีค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ที่เป็นกลาง จึงสามารถคงทนต่อปฏิกิริยาทางเคมี และสามารถผสมเพอร์ไลท์กับปุ๋ยเคมีทุกชนิดได้
เนื่องจากเพอร์ไลท์จัดเป็นพวกสารอนินทรีย์ เมื่อผสมลงในดินจะมีความคงทนและไม่ผุสลายจากจุลินทรีย์
ไม่มีสารเคมีที่เป็นพิษต่อพืช และเป็นแร่ธาตุที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
นอกจากนี้เพอร์ไลท์ช่วยดูดซึมสะสมพวกยาฆ่าแมลงยากำจัดวัชพืช และปุ๋ยเคมีต่างๆ ที่เกษตรกรเติมลงไปในดินไว้ไม่ให้ซึมหายออกไปจากดินเร็วเกินไป และยังเป็นตัวช่วยลดความเข้มข้นของปุ๋ย และยาฆ่าแมลงที่อยู่ในดิน
วิธีการใช้เพอร์ไลท์ในการปลูกพืช
ใช้ดินผสมกับเพอร์ไลต์หรือพีตมอสในสัดส่วนที่เท่ากัน จะทำให้ดินโปร่ง ระบายน้ำได้ดีและมีอากาศถ่ายเทในดิน
เพอร์ไลต์สามารถใช้ในการโรยหน้าดินได้ ช่วยในการระบายของน้ำ หากต้องการปักชำพืชหรือให้พืชรากเดิน โดยปกติแล้วเราสามารถแช่น้ำได้ แต่หากใช้เพอร์ไลต์ในการปักชำและใส่ไว้ในถุงโปร่งจะยิ่งทำให้รากมีการเจริญเติบโตไวยิ่งขึ้น
เวอร์มิคูไลท์ (Vermiculite)
เป็นแร่ในกลุ่ม Alumino-silicate ชนิดหนึ่ง มีน้ำหนักเบา มีค่า pH เป็นกลาง ไม่ละลายน้ำ แต่ดูดซับน้ำได้ดี สามารถดูดซับธาตุอาหารแล้วค่อยๆ ปลดปล่อยให้ในภายหลัง เวอร์มิคูไลท์ มีธาตุอาหาร โพแทสเซียม แมกนีเซียม และแคลเซียม ที่พืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
คุณสมบัติของเวอร์มิคูไลท์
เป็นอนินทรีย์ปลอดเชื้อ ไม่กัดหรือทำให้ระคายเคืองต่อผู้ใช้
ช่วยลดความร้อนและอุณหถูมิในดิน
ไม่มีการปนเปื้อนของโรคพืช วัชพืช แมลง และสารพิษหรือสารก่อมะเร็ง
มีการแลกเปลี่ยนประจุได้ดี ดูดซึมสารอาหารได้มาก
โปร่ง อากาศไหลเวียน สามารถดูดซับน้ำและเก็บกักน้ำได้ดี
สามารถเก็บได้นานโดยไม่เสื่อมสภาพ
ประโยชน์ของเวอร์มิคูไลท์
การเพาะเมล็ด
เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนำไปเป็นวัสดุเพาะเมล็ด ด้วยความที่เวอร์มิคูไลต์สามารถกักเก็บน้ำได้ดีและมีความโปร่ง บวกกับลักษณะทางกายภาพที่เล็กร่วน มีค่า pH เป็นกลาง ที่สำคัญเป็นเหมือนฉนวนกันความร้อน จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับนำไปเป็นวัสดุเพาะเมล็ด ใช้ร่วมกับวัสดุปลูกอื่นๆ หรือใช้เดี่ยวๆก็ได้ แต่หากใช้เดี่ยวๆ เมื่อเมล็ดงอกเป็นต้นอ่อน ควรให้ปุ๋ยเสริมทันที
เป็นส่วนผสมวัสดุปลูกสำหรับไม้กระถาง
เวอร์มิคูไลท์ เบา โปร่ง อมน้ำ ทำให้ยืดเวลาการให้น้ำออกไปได้นานขึ้น ยังสามารถแลกเปลี่ยนประจุกับดินได้ดี สิ่งนี้ทำให้ช่วยให้ดูดซึมสารอาหารได้มากและที่สำคัญค่อยๆ ปล่อยสารอาหารเหล่านั้นออกมาให้พืชผ่านขึ้นไปทางรากอย่างช้าๆ และเหมาะสม อัตราการผสมและวัสดุปลูกที่เวอร์มิคูไลท์จะไปผสมด้วยนั้น ขึ้นอยู่กับชนิดพืชที่จะปลูก
เร่งรากในกิ่งชำ
เวอร์มิคูไลท์ ดูดซับน้ำ เป็นฉนวนกันความร้อนให้รากได้อย่างดี มีความชื้นสูง คุณสมบัตินี้ก็คล้ายคลึงกับพีทมอสโดยสามารถผสมครึ่งๆ ร่วมกันได้ ผสมกับขุยมะพร้าวในทั่วไปได้ รดน้ำเวอร์มิคูไลท์ที่เตรียมไว้ให้เปียกชุ่ม ปักกิ่งชำลงไปโดยไม่จำเป็นต้องกดเวอร์มิคูไลท์รอบๆ กิ่งชำให้แน่น ปิดคลุมแปลง กิ่งชำด้วยพลาสติกกันฝนกันลม
ใช้เป็นวัสดุปลูกพืชไร้ดิน ไฮโดรโปนิกส์ (soilless culture)
ส่วนมากจะใช้ผสมกับเพอร์ไลท์ ในการปลูกพืชไฮโดรโปนิกส์ หรือผสมกับพีทมอส ในการเพาะเมล็ด เพื่อเก็บความชื้นได้ดีมากยิ่งขึ้น รวมทั้งมีธาตุอาหารที่จำเป็นสำหรับพืชในตอนงอกด้วย
วิธีการใช้เวอร์มิคูไลท์ในการปลูกพืช
สามารถใช้เวอร์มิคูไลท์เป็นวัสดุเพาะเมล็ด หรือจะนำไปเป็นส่วนผสมดินเพื่อปลูกพืชทั่วไปได้ทุกชนิด ช่วยให้พืชออกรากเร็ว ดูดซับสารอาหารได้ดี อัตราส่วนของการผสมเวอร์มิคูไลท์นั้น ขึ้นกับชนิดของพืช หรือใช้ประมาณหนึ่งกำมือ ต่อดินกระถางประมาณ 6-8 นิ้ว