ชุดตรวจคัดกรอง การทำงานของตับ ตับอักเสบ ไขมันพอกตับ มะเร็งตับ จากปัสสาวะ โรคตับ ท่อน้ำดีอุดตัน

ชุดตรวจปัสสาวะ Cybow 11 ใช้ คัดกรองไขมันพอกตับ ตับอักเสบ และมะเร็งตับ ท่อน้ำดีอักเสบ

ตรวจคัดกรองหาความผิดปกติของตับ จากปริมาณของสาร บิลิรูบิน ที่ปนออกมาในปัสสาวะซึ่งในภาวะปกติไม่มี

[1 กล่อง มี 1 ชุดทดสอบ]

บิลิรูบิน (Bilirubin) สารบิลิรูบิน (Bilirubin) เป็นสารเคมีในร่างกายที่สร้างจากตับ สารนี้เปลี่ยนแปลงมาจากฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) ในเม็ดเลือดแดง เมื่อตับสร้างบิลิรูบินแล้วจะขับออกมาเป็นส่วนหนึ่งของน้ำดี (Bile) และน้ำดีถูกขับเข้าสู่ระบบทางเดินอาหาร เพื่อทำหน้าที่ช่วยในการย่อย ในคนปกตินั้นจะไม่พบบิลิรูบินในปัสสาวะ แต่หากร่างกายเกิดภาวะผิดปกติขึ้นมา คือมีภาวะที่เกิดการอุดตันของทางเดินน้ำดี (Biliary obstruction) จากสาเหตุต่างๆ เช่น ตับแข็ง (Cirrhosis) การใช้ยาที่มีผลข้างเคียงทำให้น้ำดีไหลช้า (Cholestasis) อย่างสเตียรอยด์ (Steroid) หรือยาแก้โรคจิตเวช (Chlorpromazine) โรคมะเร็งที่ตับหรือทางเดินน้ำดี เช่น มะเร็งท่อน้ำดี (Cholangiocarcinoma) มะเร็งที่ลุกลามมาเบียดทางเดินน้ำดี (Metastatic tumor) มะเร็งตับอ่อน (Pancreatic tumor) ที่เกิดขึ้นที่ส่วนหัวของตับอ่อน (Head of pancreas) นิ่วที่อุดตันทางเดินน้ำดี (Stone) ทางเดินน้ำดีตีบแคบ (Biliary stricture) หรือเกิดภาวะตับอักเสบ (Hepatitis) จะพบมีบิลิรูบิน (ชนิดละลายน้ำได้) สะสมเพิ่มขึ้นในเลือด และถูกขับออกมาทางปัสสาวะให้ตรวจพบได้ [3 10] การตรวจพบบิลิรูบินในปัสสาวะนั้น ถือเป็นการบ่งชี้ว่าอาจมีภาวะอุดกั้นของทางเดินน้ำดีหรือมีตับอักเสบเกิดขึ้นในผู้เข้ารับการตรวจ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ที่เกิดได้ไวกว่าอาการทางร่างกาย เช่น อาหารตัวเหลือง (Jaundice) [3 10] หากพบบิลิรูบินในปัสสาวะ ควรพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม โดยการตรวจเพิ่มเติมที่เป็นประโยชน์ เช่น การตรวจหน้าที่การทำงานของตับ (Liver function test) เป็นต้น

■ ยูโรบิลิโนเจน (Urobilinogen) การตรวจหาสารยูโรบิลิโนเจน (Urobilinogen) ในปัสสาวะ มักใช้พิจารณาร่วมไปกับการตรวจบิลิรูบินในปัสสาวะเพื่อแยกโรค ในคนทั่วไปจะสามารถพบยูโรบิลิโนเจนในปัสสาวะในระดับต่ำๆ ได้เป็นปกติ [10] ในบางสภาวะที่ผิดปกติ อาจพบระดับยูโรบิลิโนเจนในปัสสาวะสูงขึ้นได้ คือในภาวะที่เม็ดเลือดแดงแตก (Hemolysis) เช่น โรคโลหิตจางเนื่องจากเม็ดเลือดแดงแตก (Hemolytic anemia) ซึ่งภาวะเม็ดเลือดแดงแตกนี้มักจะทำให้ระดับยูโรบิลิโนเจนในปัสสาวะสูงขึ้น แต่ไม่ทำให้ระดับบิลิรูบินในปัสสาวะสูงขึ้น [16] ภาวะที่เกิดการทำลายของเนื้อตับ (Hepatic disease) เช่น ตับแข็ง (Cirrhosis) ตับอักเสบจากไวรัส (Viral hepatitis) ตับอักเสบจากยาหรือสารพิษ (Hepatitis due to drugs or toxic substances) [3] ก็ทำให้ระดับยูโรบิลิโนเจนในปัสสาวะสูงขึ้นได้เช่นกัน และอาจทำให้ระดับบิลิรูบินในปัสสาวะสูงขึ้นหรือไม่สูงขึ้นก็ได้ [16] ส่วนภาวะที่เกิดการอุดตันของทางเดินน้ำดี (Biliary obstruction) มักจะทำให้ระดับบิลิรูบินในปัสสาวะสูงขึ้น แต่ระดับยูโรบิลิโนเจนในปัสสาวะไม่สูงขึ้น [3 10 16] การใช้ยาฆ่าเชื้อแบบออกฤทธิ์กว้าง (Broad-spectrum antibiotic) ทำให้แบคทีเรียในลำไส้ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนบิลิรูบินเป็นยูโรบิลิโนเจนตาย สามารถทำให้ตรวจระดับยูโรบิลิโนเจนในปัสสาวะไม่พบได้เช่นกัน

✅คัดกรองความผิดปกติได้ถึง 3 ภาวะ ของโรคตับ
✅ใช้ตรวจหาความผิดปกติ ตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม

เหมาะสำหรับคนที่มีอาการหรือความเสี่ยงดังต่อไปนี้
• มีอาการอ่อนเพลีย นอนไม่ค่อยหลับ แต่มักจะรู้สึกง่วงในเวลากลางวัน รู้สึกเหนื่อยง่ายคล้ายคนไม่มีเรี่ยวแรง
• บางคนอาจจะมีอาการคลื่นไส้ เบื่ออาหารร่วมด้วย และมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เหมือนเวลาทานอาหารแล้วไม่ย่อย รวมทั้งเรอบ่อยขึ้น
• ประจำเดือนมาไม่ปกติ อาจขาดไปเลย หรือมาแบบไม่สม่ำเสมอ ทั้งที่ปกติไม่เคยเป็น ส่วนผู้ชายบางคนอาจมีอาการเต้านมขยาย มีอาการเจ็บที่เต้านม และบางคนอาจจะทำให้อัณฑะฝ่อตัว หรือสมรรถภาพทางเพศลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
• อยู่ๆ มีอาการคันตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพราะมีน้ำดีไปสะสมอยู่บริเวณผิวหนังส่วนนั้น เลยทำให้เกิดอาการคันตามตัวขึ้นมา
• ตัวเหลือง ตาเหลือง คล้ายกับคนเป็นดีซ่าน เพราะตับไม่สามารถทำหน้าที่ขับน้ำดีออกจากตับได้ จนทำให้มีการแพร่กระจายไปที่ตา และร่างกายจนตัวเหลือง
• มีอาการบวมเกิดขึ้นที่หลังเท้า แขนขา และหน้าท้อง เนื่องจากตับไม่สามารถสร้างโปรตีนในเลือดได้นั่นเอง
• เมื่อมีบาดแผลเกิดขึ้น จะทำให้เลือดออกง่ายกว่าปกติ และไม่ยอมหยุดไหลง่ายๆ เพราะตับไม่สามารถสร้างสารที่ทำให้เลือดแข็งตัวได้
• บางรายที่เริ่มมีอาการรุนแรงขึ้น อาจมีอาการอาเจียนเป็นเลือดเพราะความดันในตับสูง จนทำให้หลอดเลือดดำในหลอดอาหารมีความดันสูง ซึ่งหากความดันสูงมากก็จะทำให้หลอดเลือดดำแตกได้
• มีอาการปวดแน่นที่ชายโครง รู้สึกร้อนวูบที่ช่องอก รวมไปถึงมีอาการตึงที่กล้ามเนื้อช่องท้อง จนเป็นที่มาของอาการปวดท้องน้อย
• ถ้าลองสังเกตบริเวณมุมปาก และริมฝีปาก จะเห็นว่ามีสีคล้ำผิดปกติ รวมไปถึงลิ้นก็จะออกสีม่วงคล้ำ และขอบลิ้นจะมีรอยกดทับของฟันด้วย
หรือผู้ที่มีความเสี่ยง
1.ผู้ที่ทานยา อาหารเสริม สมุนไพร เป็นเวลานาน
2.ผู้ที่ดื่มสุรา
3.ผู้ที่ต้องการเช็คสุขภาพตับและภาวะอุดกั้นท่อน้ำดี

DFI Co. Ltd 388-25 Gomo-ro Jillye-myeon
Gimhae-si Gyeongsangnam-do KOR 50875

วิธีการตรวจ
1. อ่านเอกสารการใช้งาน
2.ฉีกซอง หยิบแผ่นเทส
3.จุ่มลงในปัสสาวะ 1-2 วิ
4.วางลงบนแผ่นทิชชู่ เพื่อซับปัสสาวะส่วนเกิน
5.อ่านผลใน 1 นาที
6. ห้ามอ่านผลเกิน 2 นาที
การอ่านผล
ผล ( - ) = ปกติ
ผล ( + ) = ตับหรือถุงน้ำดี ส่งสัญญาณผิดปกติ ควรตรวจซ้ำและหากผลเหมือนเดิมควรไปพบแพทย์ เพื่อตรวจเลือดและวินิจฉัยเพิ่มเติม
กรณีผลทดสอบเป็นบวกจะต้องยืนยันผลด้วยการตรวจเลือดหรือวินิจฉัยต่อโดยแพทย์เท่านั้น
หมายเหตุ
ชุดตรวจเป็นเพียงการคัดกรองความผิดปกติของตับและถุงน้ำดีในเบื้องต้น การตรวจวิเคราะห์และวินิจฉัยโรคควรกระทำโดยแพทย์