ต้นทับทิมสยาม ต้นแดงสยามPalm lily หรือต้นหมากผู้หมากเมีย ต้นไม้มงคล สีสันสวยงาม
ต้นทับทิมสยาม ต้นแดงสยาม หรือ หมากผู้หมากเมีย สีใบจะออกสีชมพู จัดส่งพร้อมถุงชำ ต้นสูง35-55ซม. สวยงามหมากผู้หมากเมีย ไม่ใช่พรรณไม้พื้นเมืองของไทย เป็นพรรณไม้จากต่างประเทศ มีถิ่นกำเนิดในหมู่เกาะแปซิฟิกและออสเตรเลีย ถูกนำเข้ามาปลูกเป็นไม้ประดับในประเทศไทยนานแล้ว ยังมีชื่ออื่น ที่เป็นชื่อพื้นเมือง หรือ ชื่อท้องถิ่น อีกหลายชื่อ เช่น มะผู้มะเมีย หมากผู้ เป็นต้น
หมากผู้หมากเมีย ชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า Cordyline fruticosa (L.) A.Chev. อยู่ในวงศ์ Asparagaceae มีชื่อสามัญ ภาษาอังกฤษ ว่า Palm lily Good luck plant Cabbage palm Red Dracaena Polynesian Ti Plant
มีชื่อพ้อง (Synonyms) อีกหลายชื่อ เช่น ..
Convallaria fruticosa L.
สกุล Cordyline Comm. ex R.Br. เคยอยู่ภายใต้วงศ์ Liliaceae Agavaceae หรือ Laxmanniaceae ซึ่ง 2 วงศ์สุดท้ายปัจจุบันเป็นวงศ์ย่อยของวงศ์ Asparagaceae มีประมาณ 20 ชนิด
พบในอเมริกาใต้ เอเชียใต้และตะวันออกเฉียงใต้ หมู่เกาะแปซิฟิก และออสเตรเลีย ชื่อสกุลมาจากภาษากรีก “kordyle” กระบอง ตามลักษณะลำต้นหรือราก
ข้อมูล ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ หมากผู้หมากเมีย
ต้นหมากผู้หมากเมีย มีลักษณะเป็น ไม้พุ่ม ลำต้นตรงหรือแตกกิ่ง สูง 1–3 ม. มีรอยการติดของใบชัดเจนรอบลำต้น ส่วนมากต้นหมากผู้หมากเมียจะมีลำต้นเดี่ยว แต่บางพันธุ์มีกิ่งแขนงแตกออกจากลำต้นเดิมได้ ฟอร์มทรงต้นโปร่งเพรียว มีความสูงของต้นขนาดเล็กสุด ประมาณ 7.5-10 เซนติเมตรจนถึงต้นขนาดใหญ่สุด คือประมาณ 10.5-12.0 เมตร
ต้นหมากผู้หมากเมีย หากดูเผินๆ จะมีลักษณะคล้ายๆกับพรรณไม้ในสกุล Dracaena แต่จะมีความแตกต่างตรงที่ราก คือรากของต้นหมากผู้หมากเมียจะมีสีขาว ในขณะที่รากของพรรณไม้ในสกุล Dracaena รากจะมีสีเหลืองหรือสีส้ม ซึ่งความหลากหลายของต้นหมากผู้หมากเมีย มีทั้งชนิดที่เป็นไม้ยืนต้น และไม้พุ่ม
ใบหมากผู้หมากเมีย ใบเรียงหนาแน่นที่ยอด รูปใบหอก ยาว 25–50 ซม. ก้านใบยาว 10–30 ซม. โคนพองหุ้มลำต้น เรียงซ้อนก้านใบอื่น ปลายเป็นติ่งแหลม แผ่นใบสีเขียวหรือมีลายหลากสี เป็นร่องด้านบน เส้นแขนงใบเรียงขนานยาวจรดปลายใบ มีเส้นแขนงใบแยกออกจากเส้นกลางใบประมาณจุดกึ่งกลาง
ลักษณะใบหมากผู้หมากเมีย ใบจะแตกออกจากส่วนยอดของลำต้นหรือส่วนยอดของกิ่งแขนง ลักษณะปลายใบแหลม ใบหนา เนื้อใบอ่อนนุ่ม โคนก้านใบเรียบ สีสันของใบมีสีต่าง ๆ กัน ตั้งแต่ใบสีเขียวแก่ สีเขียวอ่อน สีชมพู สีแดงหรือ มีหลากหลาย ๆ สีรวมกันในใบเดียว
ดอกหมากผู้หมากเมีย ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ออกตามซอกใบใกล้ปลายยอดของลำต้น ยาว 30–60 ซม. ช่อแขนงยาว 6–13 ซม. ดอกย่อยจำนวนมาก ดอกไร้ก้านหรือมีก้านยาวได้ถึง 4 มม. มีข้อใกล้ปลายก้านดอก ใบประดับ 3 ใบ รูปไข่ ยาว 2–3 มม. ขอบบาง ปลายแหลมยาว
ดอกมีขนาดเล็กกลีบสีแดงอมม่วง สีชมพูหรือขาว ดอกสีแดง เหลือง หรือสีม่วงอมน้ำเงิน กลีบรวม 6 กลีบ เรียง 2 วง หลอดกลีบยาว 5–6 มม. แผ่นกลีบยาวเท่า ๆ หลอดกลีบดอก มักพับงอกลับ
เกสรเพศผู้ 6 อัน ติดภายในคอหลอดกลีบดอก ยื่นพ้นหลอดกลีบดอกเพียงเล็กน้อย อับเรณูติดไหวได้ รังไข่มี 3 ช่อง ก้านเกสรเพศเมียเรียวยาว ยอดเกสรเป็นตุ่มขนาดเล็ก เป็นดอกสมบูรณ์เพศ ดอกมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ส่วนใหญ่มักจะออกดอก ในช่วงระหว่างเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์
ผลหมากผู้หมากเมีย ผลแห้งแตก เปลือกหนา สีแดง มีหลายเมล็ด เมล็ดหมากผู้หมากเมีย เมล็ดสีดำ มีสาร Phytomelanin เคลือบ
ประโยชน์ หมากผู้หมากเมีย สรรพคุณ ทางสมุนไพร
หมากผู้หมากเมีย นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ ไม้มงคล เชื่อกันว่าเป็นต้นไม้นำโชค แม้แต่เชื่อสามัญ ภาษาอังกฤษ ก็ยังมีชื่อว่า Good luck plant ต้นไม้แห่งความโชคดี
สรรพคุณ หมากผู้หมากเมีย
สรรพคุณของแต่ละส่วนที่ใช้ทำยา คือ ใบ ต้มเอาน้ำดื่ม ขับพิษไข้หัว แก้ตัวร้อน มักใช้รวมกับใบมะยม แช่น้ำทิ้งไว้อาบ แก้อาการคันตามผิวหนัง และเด็กที่ออกไข้ออกผื่น เช่น เหือด หัด อีสุกอีใส ดำแดง
สารสำคัญ ใบหมากผู้หมากเมีย มีสารสำคัญ ได้แก่ Phenois Amino acid และน้ำตาล