พันธุ์ไม้ต้นเพาโลเนีย(Paulownia) ไม้แปรรูป (100เมล็ด)
เพาโลเนีย (Paulownia) เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางสูง 10-20 เมตร ผลัดใบ มีอัตราการเจริญเติบโตเร็วมาก ต้นอ่อนมีเปลือกสีเขียว มีปุ่มหรือรอยแผลใบทั่วลำต้น ต้นแก่ (อายุมากกว่า 5 ปี) เปลือกเป็นสีน้ำตาลเข้ม แตกเป็นร่อง เปลือกบางฉีกขาดง่ายไม่ทนไฟ ทำให้ต้นไม้ตายได้ถ้าถูกไฟไหม้ มีรากแก้วตรงและยาวได้ถึง 40 ฟุต รากแขนงและรากฝอยจะอยู่ต่ำกว่าผิวดินประมาณ 4 ฟุต เป็นพืชใบเดี่ยว ใบมีลักษณะเรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก รูปหัวใจ มีขนนุ่ม สีเขียวอ่อนด้านหลังใบ ก้านท้องใบไม่มีขน มีเส้นกลางใบและเส้นแขนงใบชัดเจน ใบมีขนาดโตเต็มที่กว้างได้ถึง 36 นิ้ว ก้านใบยาว ดอกออกเป็นช่อ ขนาดใหญ่ ที่ปลายกิ่งมีสีม่วง ดอกตูมเป็นกระเปาะสีน้ำตาล เป็นดอกสมบูรณ์เพศ
การใช้ประโยชน์ การใช้ประโยชน์ทางด้านเนื้อไม้ คุณสมบัติของไม้เพาโลเนียมีดังนี้ มีน้ำหนักเบา (14 ปอนด์/ลูกบาศก์ฟุต) ทนต่อความร้อนสูงมาก (ติดไฟที่ 425 องศา) อบให้แห้งง่ายและมีความเสียหายน้อย ถ้าอบในตู้อบจะแห้งในเวลา 24-48 ชั่วโมง ถ้าอากาศปกติ 30-60 วัน โดยไม่มีปัญหาการร้าว การบิดงอ การปริแตก มีความพรุนสูง (75-88%) มีความทนทาน ผุพังยากมาก (ในสภาพที่ไม่สัมผัสกับพื้นดิน) ง่ายต่อการเลื่อย เจาะรูใส ขัดผิว
* ใช้ทำไม้แปรรูปก่อสร้างบ้าน เช่น ไม้พื้น วงกบ ประตู หน้าต่าง ทำไม้คิ้ว* ทำเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ งานแกะสลักต่าง ๆ หรืองานฝีมือของประดับต่าง ๆ เช่น กรอบรูป ถาด ทัพพี ตะเกียบ เขียง เป็นต้น* ทำใบพัดเครื่องบิน* ทำเรือเดินทะเล เสากระโดงเรือยอร์ช
การใช้ประโยชน์ทางด้านนิเวศน์ รากของเพาโลเนียช่วยปรับสภาพดินและเก็บความชื้นในดินได้ โดยสามารถปรับสภาพดินภูเขา ดินปนทราย หรือดินที่มีค่าความเป็นด่างสูง แต่ไม่สามารถปรับปรุงดินเหนียวหรือดินปนหิน และดินที่เป็นกรดจัดที่มีค่า pH 3.5 ใบของเพาโลเนียมีขนาดใหญ่ และธาตุไนโตรเจนสูงช่วยเพิ่มความสมบูรณ์ให้กับดิน และปกคลุมหน้าดิน ช่วยชลอการชะล้างผิวหน้าดิน ดอกเพาโลเนียให้น้ำหวานแก่ผึ้งได้เป็นอย่างดี สามารถปลูกเพื่อเลี้ยง ผึ้งได้ ใบของเพาโลเนียยังมีโปรตีนสูง สัตว์ต่าง ๆ ชอบกัดกิน เช่น กวาง กระต่าย วัว เป็นต้น
การใช้ประโยชน์ทางด้านภูมิสถาปัตย์ ปลูกเป็นไม้ประดับเพื่อชมดอกสีม่วง ซึ่งมีขนาดใหญ่และดก ดูสวยงาม