แซนโธไนท์ ขนาดบรรจุ 1 ลิตร
ป้องกันโรคราน้ำค้างด้วยแซนโธไนท์
สาเหตุของโรคราน้ำค้าง
จากเชื้อรา Pseudoperonospora cubensis พบพืชมีอาการของโรคมากช่วงที่มีความชื้นในอากาศสูง อากาศหนาว มีน้ำค้างลงจัด แพร่ระบาดมากในช่วงปลายฝนต้นหนาว สามารถสร้างความเสียหายให้เกิดกับพืชได้ โดยจะทำให้ผลผลิตพืชลดลง หากเป็นมากพืชอาจเหี่ยวแห้งตายในที่สุด โรคราน้ำค้างสามารถป้องกันได้โดยการใช้ แซนโทไนท์ (สารสกัดจากเปลือกมังคุด) ใช้ฉีดพ่นป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เมื่อฉีดพ่นจะ ป้องกันความชื้นสูง แบคทีเรีย และเชื้อรา ฉีดพ่นในช่วงที่ในอากาศมีความชื้นสูง หนาวเย็นจัด หมอกลงจัด มีน้ำค้างมาก
วิธีการใช้
ผสมแซนโธไนท์ อัตรา 1-2 ซีซี. ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นล้างน้ำฝน ล้างหมอกและเคลือบกันน้ำค้าง หากเชื้อรามีความรุนแรงมากให้ใช้ ไบโอเซ็นเซอร์ฉีดพ่น อัตรา 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
แซนโธไนท์” เป็นสารที่สกัดจาดเปลือกมังคุด จะมีความแตกต่างจากการหมักเอง ตรงที่ว่า แซนโธไนท์จะมีสารละลายโพแทสเซียมซิลิเกต อยู่ด้วย ในช่วงอุณหภูมิบ้านเราในตอนนี้ฝนตกบ่อยอากาศมีความซื้นสูง ฝนตกบ่อย ทำให้พืชผัก ไม้ผล ในไร่ในสวนเรา เกิดเชื้อรา โรคไหม้ ใบจุด เมล็ดด่าง เพลื้ยไฟ ไรแดง แมลงหวี่ขาว เพลี้ยหอย เพลี้ยไก่แจ้ ซึ่ง แซนโธไนท์ สารเคลือบใบ จะเป็นช่วยป้องกันและกำจัดเชื้อราที่มากับน้ำฝน โดยเฉพาะราน้ำค้างในพืชตระกูเถาต่าง ๆ ให้ชะล้างไปหลังจากช่วงฝนตกค่ะ
เรื่องของ เชื้อรา เพลี้ยไฟ ไรแดง คุณฐิติวัฒน์ได้เข้ามาปรึกษากับทางชมรมฯ จึงได้แนะนำให้ใช้ แซนโธไนท์ (สารสกัดจากเปลือกมังคุด) ในอัตรา 2 ซีซี ร่วมกับ ฟังก์กัสเคลียร์ 2.5 กรัม และม้อยเจอร์แพล้นท์ (สารจับใบ) ต่อ น้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่น 3-4 วัน/ครั้ง ในช่วงที่เชื้อรา ระบาด อากาศชื้น หมอกและน้ำค้างลง ให้ฉีดพ่นในตอนเช้าตรู่ และ ตอนเย็นแดดอ่อน เพื่อเป็นการกำจัด และป้องกัน ราได้อย่างทันท่วงที