#ต้นหลิวทอง ทรงพุ่มบอนไซ 60-90cm ต้นหลิวทอง (Revolution gold)
#ต้นหลิวทอง (Revolution gold)
ชื่อไทย: หลิวทอง
ชื่อเรียกอื่น ๆ: ลิ้ว (จีนแต้จิ๋ว) หยั่งลิ้ว และ หลิ้ว (จีนกลาง)
ความเชื่อ
ในอดีตต้นหลิวหรือไม้ในตระกูลหลิวหรือไผ่ อาจได้รับการกล่าวถึงในแง่ของความหมายที่ไม่ดีนักด้วยความที่เชื่อว่าการปลูกไม้ที่มีลักษณะลู่ลมง่าย กิ่งก้านใบอ่อนจะทำให้จิตใจอ่อนไหว โศกเศร้าง่าย แต่ตามความเชื่อของคนจีนสมัยใหม่กลับนิยมปลูกต้นหลิวทองมาก ๆ ด้วยความเชื่อว่าทรงพุ่มและใบของต้นนี้เมื่อโตได้ถึงระดับหนึ่งหากไม่ตัดหรือดัดแปลงต้ก็นจะโน้มลงและลู่ไหวไปตามลม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนทำให้มีแต่คนรักใคร่ อีกทั้งสีเหลืองของต้นนี้ยังสื่อถึงความเชื่อในด้านความมั่งมีในโชคลาภและเป็นสัญลักษณ์ของเทพเจ้าที่ใครได้ปลูกหรือครอบครองต้นไม้ชนิดนี้ก็จะช่วยเสริมความเป็นมงคลให้แก่ชีวิต อีกทั้งคำว่า “หลิว” มาจากสำเนียงอ่านคำว่า “หลิ่ว (柳)” ที่แปลว่าเหลือ หรือเหลือไว้ ต้นไม้นี้หากใครปลูกก็เชื่อว่าจะช่วยเสริมพลังชีวิตหรือช่วยปรับฮวงจุ้ยให้บ้าน ให้ได้รับความมั่งคั่งร่ำรวย มีเงินทองเหลือใช้เหลือเก็บนั่นเอง
#ต้นหลิวทอง [Weeping Willow] วิธีการดูแล รดน้ำอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง รดน้ำให้น้ำไหลออกนอกกระถาง ชอบอากาศถ่ายเทสะดวก ชอบแดดปานกลางถึงแดดจัด สามารถปลูกระเบียงบ้าน คอนโด ปลูกง่าย ทนทาน เป็นไม้มงคล และเป็นสมุนไพร ช่วยไล่ยุงได้ด้วย
ดิน
หลิวทองเป็นต้นไม้ที่เจริญและเติบโตได้อย่างรวดเร็ว แต่ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตมากที่สุดก็คือลักษณะของดินที่ใช้ปลูก ส่วนใหญ่ต้นหลิวจะเกิดและโตได้ดีในดินร่วนที่สามารถระบายน้ำได้ดีและหากดินนั้นได้รับการผสมวัสดุปลูกมาก่อนก็จะดีมาก เพราะจะช่วยเติมแร่ธาตุและบำรุงดินให้พร้อมต่อการปลูกมากขึ้น ยิ่งใครที่จะปลูกขายก็แนะนำว่าควรปรับหน้าดินให้ได้ตามนี้ก่อนการลงปลูกจึงจะถือว่าดี
แสงแดด
หลิวทองเป็นไม้ยืนต้นที่ชอบแสงแดดมาก ๆ จึงควรเลือกปลูกในที่ที่แสงแดดสามารถส่องถึงได้ตลอดทั้งวัน เพราะแสงมีผลมากต่อการผลัดสีของใบ ยิ่งได้รับแสงเพียงพอสีของใบหลิวจะยิ่งเป็นสีเหลืองทองอร่ามชัดเจนขึ้นและแสงแดดที่สม่ำเสมอยังช่วยลดปัญหาเชื้อราที่จะเกิดบริเวณใบได้อย่างดีด้วย
น้ำ
ในส่วนของการรดน้ำต้นหลิวทองให้ทำเพียง 1 ครั้งต่อวัน ปกติแล้วต้นนี้จะชอบน้ำระดับปานกลาง ๆ แต่ก็ต้องมีความชุ่มชื้นตลอด เราจึงมักจะเห็นคนนิยมปลูกต้นหลิวทองบริเวณใกล้กับแหล่งน้ำ เนื่องจากมีสภาพความชื้นที่เหมาะสมอีกทั้งยังง่ายต่อการรดน้ำด้วย
ปุ๋ย
สำหรับปุ๋ยที่ควรเลือกมาใช้ในการบำรุงดินก็คือ ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก โดยควรเติมทุก ๆ 2 เดือน เพื่อเป็นการเติมแร่ธาตุและสารอาหารให้แก่ดิน